ศึกษาข้อมูลทำเลบ้านมือสอง
บ้านเก่าหรือบ้านมือสอง ถ้าเทียบกับบ้านใหม่ๆ มักจะราคาถูกกว่า ตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชน หรือใกล้เมืองมากกว่า วิธีเริ่มต้นที่ดีที่สุดก็คือศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ทำเลที่ตั้งของบ้าน ความน่าเชื่อถือของโครงการบ้านจัดสรรหรือ ผู้รับเหมาก่อสร้างบ้าน ราคาตลาด การเดินทาง สาธารณูปโภค สิ่งแวดล้อมและสภาพชุมชนรอบข้าง
สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดในการเลือกบ้านมือสอง
การซื้อบ้านมือสองเพื่ออยู่อาศัยเอง ควรเน้นศักยภาพทำเลที่เป็นโครงข่ายการคมนาคมเป็นหลัก เช่น จะมีรถไฟฟ้าสายนี้ตัดผ่าน หรือเป็นทางด่วนเชื่อมต่อเข้าในเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับเรา ทั้งนี้การซื้อเพื่ออยู่เองสิ่งที่ควรต้องระวังมากที่สุดคือ ที่ตรงนั้นมีแนวโน้มที่จะเวนคืนหรือไม่ ซึ่งจะเกิดปัญหายุ่งยากที่ต้องย้ายที่อยู่ในภายหลัง
บ้านมือสองเพื่ออยู่อาศัยเอง ต้องพิจารณาถึงความต้องการของตัวเองเป็นหลักว่าต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานหรือใกล้โรงเรียนลูก หรือสถานที่อื่นๆ ตามที่ต้องการ นอกจากนี้อย่าลืมสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ บางคนอาจจะชอบแบบสงบ บางคนอาจจะชอบแบบพลุกพล่าน มีสีสัน ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัว
ความพร้อมในการกู้เงินซื้อบ้านมือสอง
เมื่อพร้อมกู้เงินซื้อบ้านมือสองแล้วก็ควรสอบถามข้อมูลสินเชื่อบ้านจากหลายๆ ธนาคารเพื่อเปรียบเทียบ วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย ของแต่ละแห่ง รวมถึงการคำนวณเงินผ่อนต่อเดือนให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของเรา เพราะว่าการคำนวณอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อซื้อบ้านนั้นจะคำนวณแบบลดต้นลดดอก ซึ่งเมื่อชำระเงินผ่อน ธนาคารจะนำไป หักลบกับเงินต้นก่อน แล้วค่อยคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือ
สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อกังวลใจในระยะยาวสำหรับผู้กู้ซื้อบ้านมือสองคือการผ่อนชำระรายเดือน ที่กินระยะเวลายาวนานสูงสุดถึง 30 ปี อย่าให้การกู้ซื้อบ้านเป็นการเพิ่มภาระทางการเงินมากเกินไป ในกรณีที่ยื่นกู้ซื้อบ้านสำเร็จแล้ว ช่วง 2-3 ปีแรกธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอัตราพิเศษตามแต่โปรโมชั่นในช่วงนั้น แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 4 จะคิดดอกเบี้ยอัตราปกติตามเงื่อนไขของแต่ละที่ การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดภาระเรื่องของดอกเบี้ยบ้าน ไม่ต้องแบกรับภาระผ่อนบ้านที่จะเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในช่วงปีที่หมดโปรโมชั่น